การเลี้ยงผี ปู่ ย่า ตา ยาย
ในสมัยบ้านเมืองยังไม่เจริญรุ่งเรือง
คนโบราณมักอยู่กันเป็นขกู๋น (ตระกูลเดียวกัน) ถ้าหากว่าผู้ที่เป็นคนมาตั้งบ้านอยู่เป็นคนแรก
แล้วแพร่ขยายหมู่ญาติ ตระกูลให้กว้างขวางขึ้น
และหากคนนี้ล้มตายจากไปไม่ว่านานแค่ไหนหลายชั่วคนแล้วก็ตาม
ท่านเหล่านี้ได้ทำประโยชน์ไว้ให้ลูกหลานที่เกิดมาภายหลัง มักจะได้รับบอกเล่า
สืบต่อกันมานั้นเป็นตระกูลของพวกเครือญาติว่าพวกเรานั้นคือ ญาติพี่น้องกันและยังมีหอที่บ้านนั้น
เป็น ผี ปู่ ย่า โดย
ถือว่าผู้ตายไปแล้วยังมีวิญญาณและที่ได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรเทวดาไปแล้ว
ก็มีที่เหลือหลงเป็นคนวิสัย กลายเป็นสัมภเวสี คอยรับส่วนบุญอยู่ก็มี
คนโบราณยังจดจำเรื่องนี้อยู่ในจิตใจว่า ท่านเหล่านี้ยังมีบุญคุณแก่ตนมาก่อนเมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงได้ทำที่สักการะบูชาจึงพากันทำที่อยู่อาศัยให้แก่
ปู่ ย่า มีเสื่อ หมอน น้ำต้น (คนโท) ขันหมาก กระโถน แจกันดอกไม้ ธูป เทียน ไว้บูชา
การสร้างตูบ ผีปู่ย่านั้นนิยมสร้างกันตามที่ต้นตระกูล เรียกว่า (เรือนแก้ว) หรือเรียกว่าเก้าผี
สร้างเป็นตูบใหญ่บ้างเล็กบ้าง บางตระกูลทำใหญ่โตเพราะญาติมากๆ เวลาทำพิธีเลี้ยงก็จะมากันมากมาย
การทำเช่นนี้ก็เป็นจารีตประเพณีอันหนึ่งของคนโบราณ
การทำบุญทำทานหาญาติชาวพุทธเราก็ทำกันอยู่เสมอ แต่ถ้าถึงประเพณีเลี้ยง ผี ปู่ ย่า
มาถึงก็ทำกันอีกแต่ดูทุกวันนี้จะมีน้อยลงเพราะสภาพของโลกบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น