วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า


                      
                     การเลี้ยงผี ปู่ ย่า ตา ยาย 
 ในสมัยบ้านเมืองยังไม่เจริญรุ่งเรือง คนโบราณมักอยู่กันเป็นขกู๋น (ตระกูลเดียวกัน) ถ้าหากว่าผู้ที่เป็นคนมาตั้งบ้านอยู่เป็นคนแรก แล้วแพร่ขยายหมู่ญาติ ตระกูลให้กว้างขวางขึ้น และหากคนนี้ล้มตายจากไปไม่ว่านานแค่ไหนหลายชั่วคนแล้วก็ตาม ท่านเหล่านี้ได้ทำประโยชน์ไว้ให้ลูกหลานที่เกิดมาภายหลัง มักจะได้รับบอกเล่า สืบต่อกันมานั้นเป็นตระกูลของพวกเครือญาติว่าพวกเรานั้นคือ ญาติพี่น้องกันและยังมีหอที่บ้านนั้น เป็น ผี ปู่ ย่า   โดย ถือว่าผู้ตายไปแล้วยังมีวิญญาณและที่ได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรเทวดาไปแล้ว ก็มีที่เหลือหลงเป็นคนวิสัย กลายเป็นสัมภเวสี คอยรับส่วนบุญอยู่ก็มี คนโบราณยังจดจำเรื่องนี้อยู่ในจิตใจว่า ท่านเหล่านี้ยังมีบุญคุณแก่ตนมาก่อนเมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงได้ทำที่สักการะบูชาจึงพากันทำที่อยู่อาศัยให้แก่ ปู่ ย่า มีเสื่อ หมอน น้ำต้น (คนโท) ขันหมาก กระโถน แจกันดอกไม้ ธูป เทียน ไว้บูชา การสร้างตูบ ผีปู่ย่านั้นนิยมสร้างกันตามที่ต้นตระกูล เรียกว่า (เรือนแก้ว) หรือเรียกว่าเก้าผี สร้างเป็นตูบใหญ่บ้างเล็กบ้าง บางตระกูลทำใหญ่โตเพราะญาติมากๆ  เวลาทำพิธีเลี้ยงก็จะมากันมากมาย การทำเช่นนี้ก็เป็นจารีตประเพณีอันหนึ่งของคนโบราณ การทำบุญทำทานหาญาติชาวพุทธเราก็ทำกันอยู่เสมอ แต่ถ้าถึงประเพณีเลี้ยง ผี ปู่ ย่า มาถึงก็ทำกันอีกแต่ดูทุกวันนี้จะมีน้อยลงเพราะสภาพของโลกบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป

สิ่งที่นับถือกันดึกดำบรรพ์ก็ละทิ้งไปเพราะไม่มีใครสนใจ ก็หายไปบ้างมีอยู่บ้าง ส่วนมากอำเภอ ตำบล รอบนอกยังมีผี ปู่ ย่า กันอยู่ ความจริงคนโบราณท่านถือกันก็ไม่มีการเสียหาย จะถือว่างมงายก็จริงอยู่  แต่ถ้าถือกันจริงจังอย่างถูกต้อง ก็มีผลดีอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวสมัยโบราณ พ่อแม่ต้องกำชับกำชาอย่าให้ผิดผีและเที่ยวไปไหนคนเดียวไม่ได้ หนุ่มสาวจะจับมือถือแขนกันไม่ได้        ถ้าจับต้องผิดผี ถ้ามีใครเห็นจะถูกปรับไหม ให้เลี้ยงผี ถ้าเลี้ยงเหล้า เลี้ยงไก้ดีนี้  เลี้ยงหมูเป็นตัว ผู้ชายใดทำเช่นนี้ก็จะถูกนินทาเอาว่าเป็นคนไม่ดีผู้หญิง ก็เสียหายเป็นคนไม่มีค่า รู้ไปถึงไหนคนเขาก็ว่าเป็นผู้หญิงใจทรามเป็นที่อับอายขายหน้าฉะนั้น คนโบราณเขาจึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้มากจะไม่แตะต้องกันเลยเวลาผู้ประพฤติไม่ชอบผีมักจะซ้ำเติมกับผู้ที่เจ็บป่วยในเครือญาติ  การเลี้ยงผี ปู่ ย่า แล้วแต่จะตกลงกันว่าปีนี้จะเลี้ยงไก่หรือหมู ถ้าเลี้ยงไก่ก็นำมาคนละตัว ถ้าเลี้ยงหมู ก็เก็บเงินกันนำมาสังเวยพอ ได้กำหนดก็จะเอามาเลี้ยงกันเป็นการรวมญาติเป็นปี ๆ ให้ลูกหลานได้รู้จักกันสืบต่อไป


ขอขอบคุณ http://student.nu.ac.th/bigsuntat/02.html
       
     
                                                                                         
     
     



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น