วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประโยชน์ของผักผลไม้ 5 สี

ประโยชน์ของผักผลไม้ 5 สี มีดังนี้        
ผักผลไม้สีเขียว
พบมากในผักผลไม้สีเขียวเข้ม เช่น คะน้า ตำลึง ฯลฯ และพบได้ในผักและผลไม้สีเขียวทั่วไป เช่น แอบเปิ้ลเขียว ฝรั่ง องุ่นเขียว เป็นต้น ซึ่งในผักผลไม้สีเขียวนี้มีสารที่ชื่อว่า คลอโรฟิลด์ (Chlorophyll) ในผักผลไม้สีเขียวนี้อุดมไปด้วยสารต่อต้านการเกิดมะเร็งได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ ทำให้ผิวพรรณของคุณผู้หญิงเปล่งปลั่งสดใส ช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้การทานผักผลไม้สีเขียวเป็นประจำจะช่วยทำให้ระบบการขับถ่ายของคุณ ผู้หญิงดี ขับถ่ายคล่องเนื่องจากมีกากใยเยอะ
ผักผลไม้สีแดง
พบมากในมะเขือเทศ เชอรี่ บีทรูต แคนเบอรี ทับทิม ซึ่งในผักผลไม้สีแดงเหล่านี้ มีสารที่ชื่อว่า ไลโคปีน (Cycopene) และ เบตาไซซีน (Betacycin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผลไม้สีแดงมีความสำคัญและจำเป็นมากต่อผู้ชายทุกท่าน เนื่องจากมีสารต่อต้านการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ค่ะ และนอกจากนี้ มะเขือเทศ ยังช่วยลดอาการเกิดสิวและยังทำให้รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวบนใบหน้าคุณผู้หญิงจางลงได้ค่ะ
ผักผลไม้สีเหลือง
พบมากในข้าวโพด มีสารที่ชื่อว่า ลูทีน (Lutein) ซึ่งช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสีที่อยู่ในเรตินา ในดวงตาของคุณผู้หญิงค่ะ ประโยชน์ของผักผลไม้สีเหลือง อย่างข้าวโพดนั้น ยังช่วยล้างพิษในร่างกายคุณผู้หญิงได้เป็นอย่างดีด้วยค่ะ หากขาดผักผลไม้สีเหลืองแล้วเมื่ออายุมากขึ้นอยู่ในวัยชราแล้ว เป็นสาเหตุให้ดวงตาพร่ามัว มองไม่ชัดหรือมองไม่เห็นได้ค่ะ
ผักผลไม้สีส้ม
พบมากในมะละกอและแครอท มีสาร เบต้าแคโรทีน (Betacarotene) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล หรือ ไขมันในเส้นเลือดได้ หากคุณผู้หญิงคนไหนรับประทานผักผลไม้สีเหลืองติดต่อกัน จะช่วยรักษาเรื่องฝ้าที่เกิดบนผิวหน้าได้ แต่ถ้าทานมากไปก็ไม่ดีนะคะ ดังนั้นคุณผู้หญิงควรเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะ สลับกันไปกับการทานผักผลไม้สีอื่นๆ ด้วยค่ะ
ผักผลไม้สีม่วง
พบมากในมะเขือสีม่วง แบล็กเบอรี บลูเบอรี อัญชัน มีสาร แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) มีคุณสมบัติทำลายสารที่ก่อใหเเกิดมะเร็ง ช่วยขยายหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยคุณผู้หญิงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และการเกิดอัมพาตได้ด้วยค่ะ



     



ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า


                      
                     การเลี้ยงผี ปู่ ย่า ตา ยาย 
 ในสมัยบ้านเมืองยังไม่เจริญรุ่งเรือง คนโบราณมักอยู่กันเป็นขกู๋น (ตระกูลเดียวกัน) ถ้าหากว่าผู้ที่เป็นคนมาตั้งบ้านอยู่เป็นคนแรก แล้วแพร่ขยายหมู่ญาติ ตระกูลให้กว้างขวางขึ้น และหากคนนี้ล้มตายจากไปไม่ว่านานแค่ไหนหลายชั่วคนแล้วก็ตาม ท่านเหล่านี้ได้ทำประโยชน์ไว้ให้ลูกหลานที่เกิดมาภายหลัง มักจะได้รับบอกเล่า สืบต่อกันมานั้นเป็นตระกูลของพวกเครือญาติว่าพวกเรานั้นคือ ญาติพี่น้องกันและยังมีหอที่บ้านนั้น เป็น ผี ปู่ ย่า   โดย ถือว่าผู้ตายไปแล้วยังมีวิญญาณและที่ได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรเทวดาไปแล้ว ก็มีที่เหลือหลงเป็นคนวิสัย กลายเป็นสัมภเวสี คอยรับส่วนบุญอยู่ก็มี คนโบราณยังจดจำเรื่องนี้อยู่ในจิตใจว่า ท่านเหล่านี้ยังมีบุญคุณแก่ตนมาก่อนเมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงได้ทำที่สักการะบูชาจึงพากันทำที่อยู่อาศัยให้แก่ ปู่ ย่า มีเสื่อ หมอน น้ำต้น (คนโท) ขันหมาก กระโถน แจกันดอกไม้ ธูป เทียน ไว้บูชา การสร้างตูบ ผีปู่ย่านั้นนิยมสร้างกันตามที่ต้นตระกูล เรียกว่า (เรือนแก้ว) หรือเรียกว่าเก้าผี สร้างเป็นตูบใหญ่บ้างเล็กบ้าง บางตระกูลทำใหญ่โตเพราะญาติมากๆ  เวลาทำพิธีเลี้ยงก็จะมากันมากมาย การทำเช่นนี้ก็เป็นจารีตประเพณีอันหนึ่งของคนโบราณ การทำบุญทำทานหาญาติชาวพุทธเราก็ทำกันอยู่เสมอ แต่ถ้าถึงประเพณีเลี้ยง ผี ปู่ ย่า มาถึงก็ทำกันอีกแต่ดูทุกวันนี้จะมีน้อยลงเพราะสภาพของโลกบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป

สิ่งที่นับถือกันดึกดำบรรพ์ก็ละทิ้งไปเพราะไม่มีใครสนใจ ก็หายไปบ้างมีอยู่บ้าง ส่วนมากอำเภอ ตำบล รอบนอกยังมีผี ปู่ ย่า กันอยู่ ความจริงคนโบราณท่านถือกันก็ไม่มีการเสียหาย จะถือว่างมงายก็จริงอยู่  แต่ถ้าถือกันจริงจังอย่างถูกต้อง ก็มีผลดีอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวสมัยโบราณ พ่อแม่ต้องกำชับกำชาอย่าให้ผิดผีและเที่ยวไปไหนคนเดียวไม่ได้ หนุ่มสาวจะจับมือถือแขนกันไม่ได้        ถ้าจับต้องผิดผี ถ้ามีใครเห็นจะถูกปรับไหม ให้เลี้ยงผี ถ้าเลี้ยงเหล้า เลี้ยงไก้ดีนี้  เลี้ยงหมูเป็นตัว ผู้ชายใดทำเช่นนี้ก็จะถูกนินทาเอาว่าเป็นคนไม่ดีผู้หญิง ก็เสียหายเป็นคนไม่มีค่า รู้ไปถึงไหนคนเขาก็ว่าเป็นผู้หญิงใจทรามเป็นที่อับอายขายหน้าฉะนั้น คนโบราณเขาจึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้มากจะไม่แตะต้องกันเลยเวลาผู้ประพฤติไม่ชอบผีมักจะซ้ำเติมกับผู้ที่เจ็บป่วยในเครือญาติ  การเลี้ยงผี ปู่ ย่า แล้วแต่จะตกลงกันว่าปีนี้จะเลี้ยงไก่หรือหมู ถ้าเลี้ยงไก่ก็นำมาคนละตัว ถ้าเลี้ยงหมู ก็เก็บเงินกันนำมาสังเวยพอ ได้กำหนดก็จะเอามาเลี้ยงกันเป็นการรวมญาติเป็นปี ๆ ให้ลูกหลานได้รู้จักกันสืบต่อไป


ขอขอบคุณ http://student.nu.ac.th/bigsuntat/02.html
       
     
                                                                                         
     
     



วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคเรียนดี

                                                 


เทคนิคเรียนดี
1. อ่านหนังสือตอนเช้าๆ จะช่วยในการจดจำได้เยอะจร้า เพราะว่าตอนเช้าสมองของเราปลอดโปร่ง ถ้าเทียบกับตอนเย็น หรือตอนดึกๆ เนื่องจากสมองของเราผ่านอะไรมามากมายแล้ว สู้รบปรบมือกันมาทั้งวัน

2. รู้มั้ยว่า การยืนอ่านหนังสือ ช่วยในการจดจำมากกว่า การนั่งอ่านหนังสืออีกนะจะบอกให้แล้วอีกอย่างช่วยกันการหลับคาหนังสืออีกด้วย
3. การจดโน๊ต ให้ดูสะอาดตาสวยงาม จะเป็นสิ่งดีมากๆ เนื่องจากลายมือที่สวยและเป็นระเบียบ จะช่วยในการจดจำได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ ถ้าบอกแบบนี้ เราควรใช้กระดาษสีขาว และปากกาหมึกสีดำ ช่วยให้อักษรมีความชัดเจน และมีพลังเยี่ยมยอดเมื่อบวกกับสีขาวในกระดาษที่เป็นช่องว่างอยู่ การเรียบเรียงตัวอักษร เราควรที่จะจดแบบให้มีการเคลื่อนไหว แทนที่จะจดแบบแนวนอน เรียงยาวแบบธรรมดาๆ ก็คือการจดแบบเป็นกลอน แทนที่จะจดให้มันเป็นพรืดยาว จนเอียน การจดแบบนี้ ทำให้เมื่อยสายตา เพราะเราต้องใช้สายตากวาดทอดยาวไป ทำให้เมื่อยล้าสายตาอย่างยิ่ง ทำให้เลิกอ่านกันไปดื้อๆแต่การที่เราจดแบบกลอน มันช่วยให้สายตาของเราไม่ล้า ทำให้เราอ่านหนังสือได้มากขึ้น และจำได้รวดเร็วกว่าเดิม ไม่ต้องมาอ่านซ้ำหลายๆ รอบเหมือนแต่ก่อน
4. การจดอีกแบบนึง ก็คือ การจดแบบ mind mapping การจดแบบนี้ หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันดี คือ การ มีคีย์เวิร์ดชื่อเรื่องไว้ตรงกลาง แล้วแตกสาขากิ่งก้านหัวข้อย่อยๆ ออกมา ขอย้ำนิดนึงว่า ควรจะใช้คำสั้นๆ ที่สำคัญๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ และไม่น่าเบื่อ
5. การเรียนแบบจับคู่ ควรที่จะมีคู่หู 1 คนในการเรียนเพื่อแชร์ความรู้ที่แต่ละคนได้มา และโต้เถียงความรู้กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลดีเช่นกัน ทำให้การเรียนมีสีสัน และเกิดความตื่นตัวอีกด้วย 
6. การอ่านหนังสือเสียงดัง หรือโยกตัว โยกขา การอ่านแบบมีจังหวะจะโคน ช่วยในการจดจำด้วย เพราะว่าเราได้ใช้ประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ
7. อ่าน 1 ชั่วโมงที่รู้สึกว่าตั้งใจ มีความสุข หรือมีพลังในการอ่าน การเรียนรู้ ดีกว่าอ่าน 5 ชั่วโมงที่อ่อนล้าซะอีก แทนที่จะความรู้ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย

8. เวลาที่คนเรามีความสุข คลื่นสมองของเราจะเรียนรู้ได้เร็ว และดีกว่าตอนที่เครียด

9. ควรที่จะหมั่นทบทวนในสิ่งต่างๆ บ่อยๆ เพราะการย้ำคิดย้ำทำ หรือการทำซ้ำนั้น ช่วยเราได้มากเลย
เพื่อนๆ ลองเอาไปทำดูนะ สู้ๆ ทุกคน เพื่อนอนาคตที่สดใสของเรา
ข้อมูลจาก : www.thaigoodview.com

    



การใช้บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต


        
การใช้บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต
บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
1. เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW)
 เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการเรียกดูเว็บไซต์ต้องอาศัยโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ในการดูข้อมูล เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม Internet Explorer (IE) , Netscape Navigator
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)
การติดต่อสื่อสารโดยใช้อีเมลสามารถทำได้โดยสะดวก และประหยัดเวลา หลักการทำงานของอีเมลก็คล้ายกับการส่งจดหมายธรรมดา นั้นคือ จะต้องมีที่อยู่ที่ระบุชัดเจน ก็คือ อีเมลแอดเดรส (E-mail address)
องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย

 1.       ชื่อผู้ใช้ (User name)
2.       ชื่อโดเมน
Username@domain_name
การใช้งานอีเมล สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1. Corporate e-mail คือ อีเมล ที่หน่วยงานต่างๆสร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น            เช่น u47202000@dusit.ac.th   คือ e-mail ของนักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เป็นต้น

2. Free e-mail คือ  อีเมล ที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม web mail ต่างๆ เช่น

Hotmail, Yahoo Mail, Thai Mail และ  Chaiyo Mail


3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol)
เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การโอนย้ายไฟล์สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1.        การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File )
การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรีเช่น www.download.com
2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File)
การอัพโหลดไฟล์คือการนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้ในเครื่องที่ให้บริการ(Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีที่ทำการสร้างเว็บไซต์ จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server ) ที่เราขอใช้บริการพื้นที่ (web server) โปรแกรมที่ช่วยในการอัพโหลดไฟล์เช่น FTP Commander 

บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (Instant Message)
การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตคือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากนี้ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม ICQ   (I seek you) MSN Messenger, Yahoo Messenger เป็นต้น
5 บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
1. Web directory คือ การค้นหาโดยการเลือก Directory ที่จัดเตรียมและแยกหมวดหมู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว website ที่ให้บริการ web directory   เช่น  www.yahoo.com, www.sanook.com
2.  Search Engine  คือ การค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Search โดยการเอาคำที่เราต้องการค้นหาไปเทียบกับเว็บไซต์ต่างๆ ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีคำที่เราต้องการค้นหา
website ที่ให้บริการ search engine  เช่น  www.yahoo.com, www.sanook.com, www.google.co.th, www.sansarn.com
7.  ห้องสนทนา (Chat Room)
ห้องสนทนา คือ การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีการส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน การเข้าไปสนทนาจำเป็นต้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการห้องสนทนาเช่น www.sanook.comwww.pantip.com



บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด (Web board)
เว็บบอร์ด เป็นศูนย์กลางในการแสดงความคิดเห็น มีการตั้งกระทู้ ถาม-ตอบ ในหัวข้อที่สนใจ เว็บบอร์ดของไทยที่เป็นที่นิยมและมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย คือ เว็บบอร์ดของพันธ์ทิพย์(www.pantip.com)   




















ไวรัสคอมพิวเตอร์





ไวรัสคอมพิวเตอร์ ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
ในเชิงเทคโนโลยีความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนของข้อมูลเอกสารหรือส่วนที่สามารถปฏิบัติการได้ ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัสในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัสนี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์
ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่า บอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่งเป็นตัวจุดชนวน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C